เมื่อเอ่ยโรคมะเร็งถือเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไปนักต่อนัก โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูก ถือเป็นแชมป์อันดับต้น ๆที่ค่าชีวิตผู้หญิงเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสตัวหนึ่งที่ชื่อว่า HPV (Human Papilloma Virus) หรือภาษาบ้านเราจะเรียกกันว่า ไวรัสหูด ไวรัสตัวนี้จะสัมผันทางเพศสัมพันธ์ ที่ทำให้มีรอยถลอกของผิวหนังหรือเยื่อยุ
และเจ้าเชื้อไวรัส HPV จะเข้าไปในปากมดลูก
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อและเซลล์
บริเวณปากมดลูกทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูก แถมเชื้อนี้ยังทนต่อความร้อน
และความแห้งได้ดี สามารถเกาะติดตามอวัยวะเพศ เสื้อผ้า
ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์มีความเสี่ยงติดเชื้อ HPV มาก
แต่การติดเชื้อนี้มักหายได้เอง เพราะภูมิต้านทานของร่างกาย มีเพียง 10% เท่านั้นที่เชื้อยังติดอยู่สร้างความผิดปกติทางเยื่อบุปากมดลูก
และทำให้เกิดมะเร็งในเวลาต่อมา ซึ่งผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมีดังนี้
-
มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
-
มีคู่นอนหลายคน
หรือฝ่ายชายร่วมหลับนอนกับคู่หลายคน
-
คลอดบุตรหลายคน
-
การสูบบุหรี่
-
มีภาวะคุ้มกันต่ำ หรือเป็นโรคเอดส์
-
พันธุกรรมเป็น
-
มีสามีเป็นมะเร็งองคชาติ
-
มีสามีที่เคยมีภรรยาเป็นมะเร็งปากมดลูก
อาการที่กำเริบและการรักษา
ส่วนใหญ่จะพบผู้หญิงที่เป็นโรคมะเร็งช่วงอายุ
35-60 ปี มีอาการเริ่มแรกมักไม่แสดงอาการใดๆ แต่เริ่มแสดงออกเมื่อมะเร็งลุกลาม
รักษายากแล้ว เช่น ตกเลือดทางช่องคลอด
มีเลือดไหลออกมากระปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน ตกขาวมีกลิ่น
มีเลือดปนหรือมีเลือดออกมาตอนมีเพศสัมพันธ์ ถ้ามะเร็งลุกลามอุ้มเชิงกรานจะปวดหลัง
หรือหากลุกลามไปบริเวณอวัยวะส่วนใดจะปวดในบริเวณส่วนนั้น
มะเร็งจะแบบออกเป็น4
ระยะ
-
ระยะ0
หรือเริ่มแรก เซลล์ยังไม่กระจายมาก จะใช้วิธีการผ่าตัดเล็กเพียง 15
นาทีและตรวจติดตามอาการให้หาย 100 %
-
ระยะ 1
เซลล์มะเร็งอยู่ปากมดลูก ต้องผ่าตัดใหญ่ เลาะต่อมน้ำเหลืองในเชิงกราน ได้ผลประมาณ
80%
-
ระยะ 2
เซลล์มะเร็งกระจายนอกมดลูก ยังไม่ไกลมาก รักษาด้วยการฉายรังสี ให้เคมีบำบัด
หรือที่รู้จักกันดีว่าคีโม ได้ผล 60%
-
ระยะ 3
เซลล์กระจายชิดเชิงกราน ใช้รังสีรักษาและเคมีบำบัด ได้ผล 30%
-
ระยะ 4
เซลล์มะเร็งกระจายชิดเชิงกราน รักษาด้วยการให้คีโม มีโอกาสรอดน้อยเพียง 5-10% เท่านั้น สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้เพียง 1-2 ปีจึงเสียชีวิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น