24 พ.ค.
ของทุกปี ถูกตั้งให้เป็นวันอัมพฤกษ์ อัมพาตโลก หรือวันหลอดเลือดสมอง
จัดตั้งขึ้นมาเพื่อประชากรโลกตื่นตัวต่อพิษภัยของโรคนี้ซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นมากในสังคมปัจจุบัน
อัมพฤกษ์ อัมพาตนั้นมีสาเหตุหลักมาจากโรคหลอดเลือดสมอง
และจากรายงานการวิจัย พ.ศ. 2547 พบว่าโรคหลอดเลือดสมองนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับแรกของหญิงไทย
และสำหรับชายไทยเป็นสาเหตุอันดับสองรองจากเอดส์ ทั้งยังพบอีกว่า ใน 400 คนจะเกิดโรคหลอดเลือดในสมอง 1 ราย ซึ่งหมายถึง 150,000 รายจากประชากรทั้งประเทศ หรือทุกๆ 4
นาทีจะมีผู้ที่เป็นโรคนี้ 1 รายและเสียชีวิต 1 รายในทุกๆ
10 นาที
โดยผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต จะมีอาการแขนขาอ่อนแรง
ไปหนึ่งซีก แถมการมองเห็นลดลงคือเริ่มมองไม่ค่อยชัด อีกทั้งยังสูญเสียการทรงตัว
มีอาการปวดหัวเฉียบพลันอย่างรุนแรง หากใครมีอาการสัญญาณเตือนดังที่กล่าวมา
ควรเข้าพบแพทย์โดยด่วนไม่ควรเกิน 3 ชั่วโมงนะคะ เพื่อรักษาชีวิตและบำบัดฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติหรือใกล้เคียงมากที่สุด
ส่วนสาเหตุที่พบว่ามีความเสี่ยงก่อให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตมีดังนี้
5 สาเหตุหลักของอัมพฤกษ์ อัมพาต
1.
การได้รับอุบัติเหตุ การกระแทกอย่างรุนแรงที่ทำให้สมองหรือประสาทไขสันหลังถูกทำลาย
2.
การอุดตันของหลอดเลือด จากการเสื่อมหรือการแข็งตัวของหลอดเลือด เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากอายุที่มากขึ้น
เบาหวาน ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง
3.
การอุดตันของหลอดเลือด จากก้อนเลือด
ตะกอนเลือด เกิดจากการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ
ชนิดหัวใจห้องซ้ายบนเต้นพลิ้ว การเต้นของหัวใจที่บีบตัวไม่พร้อมกันทั้งห้อง
4.
ความดันเลือดลดลงมาก พบเพียง 1% ของผู้ป่วย
ซึ่งอาจเกิดจาก การขาดเลือดจากภาวะหัวใจหยุดเต้น
ภาวะช๊อคในผู้ป่วยติดเชื้อเข้ากระแสเลือด กินยาลดความดันเกินขนาด
ความดันต่ำจากการเปลี่ยนอิริยาบถ เร็วเกินไป
พบในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมานานและมีการเสื่อมของประสาทส่วนปลายด้วย
หรือพบได้ในผู้สูงอายุที่รับประทานยาลดความอ้วน
5.
หลอดเลือดในสมองแตก ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง คือผู้สูงอายุที่มีความดันสูงมานาน มีภาวะเครียด
เป็นเบาหวาน ดื่มเหล้า เบียร์ หรือสูบบุหรี่มาก
9 แนวทางป้องกัน
1.
งดสูบบุหรี่
บุหรี่จะลดการสร้างไขมันดีที่ช่วยลดการเกิดหลอดเลือดตีบ
และสร้างไขมันเลวทำให้หลอดเลือดตีบเพิ่มมากขึ้น บุหรี่ทำให้หลอดเลือดแดงหดตัวและผนังหลอดเลือดเสื่อมและเกิดลิ่มเลือดได้ง่ายจากการได้รับคาร์บอนมอน็อกไซด์
2.
งดการดื่มแอลกอฮอล์จัด ซึ่งการดื่มมากเกินไปจะทำให้ความดันเลือดสูง บางรายพบการทำงานของหัวใจเสื่อมลงและอาจมีเต้นของหัวใจผิดปกติ
3.
ลดอาหาร หวาน มัน เค็มจัด น้ำตาลในเลือดสูงส่งผลให้เลือดมีความร้อนสูงขึ้นทำให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมเร็ว
การทานมันชัดเจนที่ทำให้มีไขมันสะสมและอุดตันเส้นเลือด ความเค็ม ไม่ควรทานเกิน 1 ช้อนชาต่อวัน เพราะจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
4.
ควบคุมน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย
5.
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นทำให้ลดภาวะหลอดเลือดแข็ง
และยังช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง นอกจากนี้จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น
หัวใจเต้นช้าลง ไม่ทำงานหนัก ทั้งยังหลั่งสารอินซูลิน
ทำให้อารมณ์ดีลดความเครียดอีกด้วย
6.
ควบคุมความเครียด เพราะความเครียดจะหลั่งฮอร์โมนไปเพิ่มความดันเลือดในร่างกาย
ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น รวมทั้งผนังหลอดเลือดหดเกร็งอีกด้วย
7.
พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ลดภาวะเครียด และลดอุณหภูมิในร่างกายให้อยู่ภาวะปกติ
8.
ตรวจสุขภาพเป็นระยะ หากเราสามารถจ่ายเงินนำรถเข้าศูนย์ได้
เราเองก็ควรจะเข้าศูนย์ตรวจสุขภาพบ้างเช่นกัน
9.
รักษาอย่างจริงจัง เมื่อเป็นผู้ป่วยหลอดเลือดแล้วจะต้องรักษาอย่างจริงจังสม่ำเสมอ
รับประทานยาตามแพทย์สั่งหรือไปพบแพทย์ตามเวลาที่นัดหมายไว้
เพื่อควบคุมให้อยู่ในสภาวะที่ไม่อันตรายอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น