อาการปวดเจ็บแสบที่ปลายทวารหนัก จะลุกจะนั่งเมื่อไหร่ก็ร้องโอย ทำให้คำว่า “ก็ลมมันเย็น” เป็นประโยคยอดฮิตติดหูหลายปีที่ผ่านมาที่ผู้คนใช้สื่อถึงผู้ที่เป็นโรคนี้ได้อย่างชัดเจน ริดสีดวงทวารหนักเหมือนว่าจะเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงนัก แต่ก็สร้างความทรมานในการใช้ชีวิตปกติไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะอาการเจ็บแสบคัน มีติ่งเนื้อ หรือมีเลือดออกหลังการขับถ่ายซึ่งเป็นกิจวัตรที่เราต้องทำเป็นประจำในทุกๆวัน
อาการริดสีดวงทวารมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับชนิด
ตำแหน่ง และระยะของโรค
ระยะที่ 1
ผู้ป่วยจะมีเลือดออกเล็กน้อย ส่วนใหญ่ไม่ต้องรักษาเพียงนั่งแช่น้ำอุ่น ยาเหน็บ
ยาทา รับประทานอาหารที่มีกากใย มากๆ เช่นทานกล้วย ตอนเย็นก่อนอาหารวันละ 2 ลูก ก็จะช่วยบรรเทารักษาอาการระดับนี้ได้
ระยะที่ 2
เวลาถ่ายจะมีเนื้อนิ่มๆ ยื่นออกมาซึ่งสามารถหดกลับเข้าไปได้ด้วยการขมิบ
เลือดออกคล้ายระยะที่ 1 พบว่าจะมีอาการคันและมีมูกแฉะบริเวณทวารหนักด้วย
วิธีการรักษาโดยการฉีดยาให้เนื้อเยื่อหดตัว
หรือการรัดยางให้เนื้อเยื่อขาดเลือดและหลุดออกไปเอง ใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
ระยะที่ 3
เมื่อเบ่งถ่ายแล้วมีติ่งเนื้อยื่นออกมา ต้องใช้มือดันกลับเข้าไประยะนี้การขมิบจะไม่ทำให้ติ่งเนื้อกลับเข้าไปได้
ระยะที่ 4 ติ่งเนื้อจะยื่นออกมาภายนอกได้ง่าย
ไม่ว่าจากการนั่งยองๆ ไอ จาม หรือยกของหนัก
ติ่งเนื้อนี้จะดันกลับเข้าไปข้างในได้ยากหรืออาจดันกลับไม่ได้เลย
และบางรายอาจเป็นได้ 2-3 หัว
ระยะที่ 3 และ 4
จะใช้การผ่าตัดรักษา ซึ่งมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบตัดต่อลำไส้เข้าไปข้างใน
การตัดด้วยเลเซอร์ หรือเครื่องมือตัดอัตโนมัติและเย็บทันที
ซึ่งวิธีการผ่าตัดขึ้นกับอาการ ขนาด ความรุนแรงและความชำนาญของศัลยแพทย์
แม้ว่าโรคริดสีดวงจะพบในกลุ่มคนที่มีอายุเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากมีผิวหนังที่หย่อนยาน
กลุ่มอายุน้อยเองก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดลุกลามจนไปถึงขั้นต้องผ่าตัด
โดยจะต้องลดภาวะความเสี่ยงต่างๆ
เช่นพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยทำให้เกิดภาวะท้องผูกเรื้อรัง
ชอบเบ่งในเวลาขับถ่าย ชอบนั่งอ่านหนังสือ
หรือ เล่นโทรศัพท์ ทำให้ใช้เวลาในการถ่ายนาน
ภาวะท้องผูกหรือริดสีดวงก็อาจพบได้กับผู้ที่ตั้งครรภ์เนื่องจากถ่ายอุจาระไม่สะดวก
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร หรือ
การดูแลตนเองหลังการรักษาไม่ให้เป็นอีก ทำได้โดย
·
เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงจำพนวก
ผัก ผลไม้ ธัญพืช กล้วย ข้าวโพด
·
ดื่มน้ำมากๆ วันละ 8-10 แก้ว
·
ลดอาหารมัน หรือลด ชา กาแฟ
ในช่วงเวลาที่ท้องผูก
·
เลี่ยงการใช้ยาระบายมากเกินไป
จนทำให้เกิดอาการท้องผูก
·
เลี่ยงการเบ่งอุจจาระรุนแรง
การกลั้นอุจาระ หรือนั่งขับถ่ายเป็นเวลานานๆ
·
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น