
หลายคนอาจกำลังสงสัยว่าช็อกโตแลตชีสต์เป็นอย่างไร และเกี่ยวข้องกับผู้หญิงได้อย่างไรใช่ไหมค่ะ เพราะเจ้าโรคนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับมดลูกของผู้หญิงอย่างเราๆ โดยตรงเลยค่ะ เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ มามากซะจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยไปหลายผืน หรือมีประจำเดือนไหลออกมาเป็นประจำทุกวัน เพราะปกติประจำเดือนที่มาแต่ละเดือนนั้น จะมาเป็นช่วงๆ ไม่เกิน 7 วันแล้วจะหายไป แต่ดันมีประจำเดือนบางส่วนที่ไหลย้อนกลับเข้าผ่านทางหลอดมดลูก ไปในช่องท้อง ผ่านท่อรังไข่ และนำเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเข้าไปด้วย ทำให้เกิดการฝังตัวกลายเป็นถุงน้ำ จนเกิดการสะสมเรื่อยๆ เลือดที่คั่งค้างจะเป็นสีน้ำตาลคล้ายช็อกโกแลต จึงทำให้เรียกกันว่า ช็อกโกแลตชีสต์ (Chocolate cyst) นั่นเองค่ะ
โดยเฉพาะรังไข่
เป็นบริเวณที่พบได้มาก
เพราะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงจึงเหมาะกับการเจริญเติบโตนั้นเองค่ะ
แต่ถ้าเยื่อบุโพรงมดลูกทะลุแทรกไปยังกล้ามเนื้อมดลูก
จะไม่เกี่ยวกับซีสต์แล้วคราวนี้แต่จะกลายเป็นพังผืดหรือก้อนในกล้ามเนื้อมดลูกแทน ซึ่งปกติแล้วเยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกตัวออก
ถุงน้ำที่ฝังตัวอยู่จะมีเลือดออกด้วย แต่พอเลือดประจำเดือนออกมาหมด
ร่างกายจะดูดน้ำออกจากถุงกลับมา ทำให้เลือดในถุงเข้มข้นขึ้น
หากเลือดค้างอยู่ในถุงน้ำนานๆ ก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลหรือช็อกโกแลตชีสต์นั่นเองค่ะ
ซึ่งผู้หญิงที่เสี่ยงกับการเป็นโรคนี้คืออยู่ในครอบครัวที่มีประวัติเป็นช็อกโกแลตชีสต์
หรือมีประจำเดือนมาตั้งแต่อายุยังน้อย มีประจำเดือนออกมาน้อยวันสองวันก็หาย หรือเดือนหนึ่งมีประจำเดือนไหลออกมามากกว่า
2 ครั้ง และนานกว่า 7 วัน ล้วนมีความเสี่ยงในการเป็นโรคช็อกโกแลตชีสต์กันมาก
ส่วนใหญ่ตำแหน่งที่พบจะเป็นในเยื่อบุช่อท้อง รังไข่ มดลูก อุ้งเชิงกราน ปีกมดลูก
ซึ่งนิยมเป็นกันมาก
ส่วนอาการที่แสดงออกมาว่าเป็นช็อกโกแลตชีสต์นั่น
คือจะปวดท้องเรื้อรังเมื่อมีประจำเดือน และจะปวดมากขึ้นๆ เดือน
ตั้งแต่สะดือถึงอุ้งเชิงกราน และด้านหลังเอวไปถึงก้นกบ บางรายอาจเป็นลม ท้องอึด
ท้องเสีย ปวดมากเวลาขับถ่าย เสียดในท้อง อุจจาระเป็นเลือด
หรือมีอาการเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังทำให้มีบุตรยาก
เพราะท่อนำไข่ตีบตัน พังผืดรั้ง
การรักษานั้น
หากมีถุงน้ำขนาดใหญ่ไม่มาก แพทย์จะให้ยาแก้ปวดต้านการอักเสบ
หรือยาฮอร์โมนพวกยาคุมแบบฉีดหรือกินเพื่อช่วยในการปรับการทำงานของรังไข่
เพื่อทำให้ถุงน้ำเกิดการฝ่อตัวลงค่ะ
แต่ถ้ามีถุงน้ำที่ใหญ่เกินแพทย์จะเลือกวิธีการผ่าตัดแทน
ที่นิยมใช้คือการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องทางสูตินรีเวชนั่นเองค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น