
คุณเคยมีอาการเหล่านี้หรือเปล่า จุก เสียด แน่นท้อง เรอหรือผายลมสลับกับท้องผูก ลองกินยาผิดๆ ถูกๆ แล้วก็ยังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่ ซึ่งหากคุณเคยมีอาการดังกล่าวข้างบนดังที่กล่าวมาเป็นสัญญาณเบื่องต้นของการเกิดโรค IBS หรือโรคลำไส้แปรปรวนแล้วค่ะ เกิดจากการทำงานผิดปกติของลำไส้ กระเพาะอาหารกับลำไส้ทำงานไม่สมดุลกัน จึงมีปัญหากับระบบขับถ่าย ไม่ท้องผูกก็ท้องเสีย หรือเดี๋ยวท้องเสียสลับท้องผูกเลยก็มี บางรายมีอาการไม่ชัดเจนด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้แน่นอนว่า สร้างความหงุดหงิดกับผู้เป็นไม่ใช่น้อย ยิ่งถ้าเป็นมานานราว 3 เดือนแล้วให้สันนิฐานได้เลยว่าเป็นโรคที่เกิดจาก IBS คุกคามแล้วแน่นอนค่ะ ส่วนสาเหตุที่เป็นยังไม่ทราบแน่ชัดนะคะ เพราะมีด้วยกันหลายสาเหตุ มีทั้งเกิดจากการเคลื่อนไหวทางเดินอาหารผิดปกติ หรือระบบประสาทรับรู้ผนังลำไส้ไวต่อสิ่งเร้า จึงทำให้ขับถ่ายบ่อยหรือขับถ่ายได้ง่าย แถมบางรายยังเกิดจากการอักเสบของเยื่อบุลำไส้ รวมถึงมีแบคทีเรียในลำไส้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังรวมถึงพฤติกรรมการกิน หรือใช้ชีวิตประจำวัน ที่ทำให้เกิดโรค IBS
เช่นชอบทานของเปรี้ยว มะขาม มะนาว หรืออาหารรสเผ็ดจัดจ้าน
ลำไส้เกิดการปรับสภาพไม่ทันจึงทำให้เกิดการถ่ายของเหลว คล้ายๆ ท้องเสียนั่นเองค่ะ บางรายพบว่าเกิดจากภาวะเครียด
วิตกกังวล สิ่งเหล่านี้ทำให้ลำไส้แปรปรวนได้ แต่โรคนี้
ไม่ใช่โรคที่หน้ากลัวหรือร้ายแรงอะไรนะคะ สามารถมีอายุขัยที่ยืนยาวได้ตามปกติ
เพียงแต่สร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตเพียงแค่นั้น เพราะเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย
เดี๋ยวถ่าย เดี๋ยวเรอ เดี่ยวนอนไม่หลับ
พาลให้หงุดหงิดส่งผลต่อสภาพจิตใจเป็นอย่างมาก
สำหรับผู้ที่ที่สงสัยหรือกำลังเป็นอยู่
ควรได้รับการวินิจฉัยโรคจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ จะได้ทำการรักษาได้อย่างถูกวิธี
แม้ว่าโรค IBS จะไม่ใช่โรคติดต่อหรือร้ายแรงอันตรายถึงชีวิต
เพราะยังมีโรคอื่น ๆที่คล้ายกับโรคลำไส้แปรปรวนซึ่งหากบ่อยไว้อาจเป็นอันตรายได้
ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อในทางเดินอาหาร ภาวะดูดซึมน้ำตาลแล็กโทสไม่สมบูรณ์
และน่ากลัวที่สุดอาจเป็นมะเร็งลำไส้ของทางเดินอาหารได้
ยิ่งหากคุณมีประวัติหรือสัญญาณผิดปกติดังต่อไปนี้ควรรีบพบแพทย์ทันทีนะคะ
เช่นมีน้ำหนักลดลงอย่างผิดปกติ อาการเริ่มรุนแรงขึ้น ถ่ายเป็นมูกเลือด
ปวดท้องอย่างรุนแรง มีไข้ ครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้หรือญาติสายตรง
เข้ารีบเข้ามาปรึกษาแพทย์เพราะอาจไม่ใช่โรค IBS แต่อาจร้ายแรงกว่าก็ได้ค่ะ
จึงไม่ควรนิ่งนอนใจหรือปล่อยอาการเหล่านี้อยู่กับตัวไว้นานๆ
ส่วนการรักษานั้น หากมีอาการไม่มาก
แพทย์จะแนะนำให้เปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองค่ะ เช่นให้รับประทานอาหารสด มีใยอาหาร
ไม่ทานรสเผ็ด เปรี้ยวจนเกินไป เพราะจะทำให้ลำไส้ทำงานไม่สมดุล
มีแก๊สในลำไส้อาหารได้ หรือให้หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในลำไส้ เช่นของหมักของดอก
กาแฟ กะหล่ำปลี เพราะจะทำให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารไม่หมด ไม่ให้ตกอยู่ในภาพเครียด
ทำให้ลำไส้บีบตัวผิดปกติจนเกิดอาการปวดเกร็งท้องได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น